ผูกพันธุ์

17 Sep

inthegarden

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยไหนคุณก็มีความสุขกับชีวิตได้ และองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้ชีวิตคุณเบิกบาน! ลัลลา! ฮาแตก! ได้ นั่นคือ ‘เพื่อน’
การมีเพื่อนมานั่งกินข้าวด้วยกัน พูดคุยกัน แซวกัน จิกกัด เมาท์เรื่องนู้นเรื่องนี้ ปรึกษาหารือ หรือเล่าสารทุกข์สุขดิบแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ร่างกายเราจะหลั่งสารแห่งความสุขออกมาหล่อเลี้ยง มันเป็นการตอบสนองความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ การมีคนเข้าใจ มีคนรับฟัง มีคนยอมรับ มีกลุ่มก้อน มีพรรคมีพวก มันเป็นความอบอุ่นในหัวใจที่มนุษย์พึงจะมี

น้องสาวนอกไส้ (อันที่จริงน่าจะเรียกว่าเพื่อนมากกว่า ก็แค่อายุน้อยกว่าแต่เรารู้สึกรักและสนิทกันแบบเพื่อน) ต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปร่ำเรียนยังดินแดนอันไกลโพ้น แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เราต้องอยู่ไกลกันและแม้ว่าจะแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ครั้งก่อนนั้นก่อนไปก็ดราม่ากันอยู่ไม่ใช่น้อย ครั้งนี้ก็เช่นกันมันอดดราม่าไม่ได้จริงๆ แต่อย่างน้อยก็อุ่นใจว่าคราวนี้ปีกอ่อนๆ ของเธอคงแข็งแรงขึ้น ก็เธอมันปีกกล้าขาแข็งแล้วนี่ 555!
จำได้ว่าเคยให้คัมภีร์สำหรับการเดินทางไปอยู่ที่สูงๆ และไกลๆ เอาไว้เล่มหนึ่ง แต่ครั้งนี้ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะให้อะไรติดตัวเธอไปดี แต่ไม่ใช่พ๊อกเก็ตมันนี่แน่นอน!

เป็นหน้าที่พี่สาวแสนดี.. (มาถึงขนาดนี้แล้วก็ต้องยอมเป็น ‘พี่’ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้จะได้ยินเธอพูดบ่อยๆ ว่า “พี่ขวัญ ไปเป็นเพื่อนหน่อย” แล้วพี่ก็จะสวนเธอกลับไปว่า “ตกลงชั้นเป็นเพื่อนหรือเป็นพี่เธอกันแน่ ว่าแต่แน่ใจนะ ว่าจะให้พี่ไปเป็นเพื่อน” 555!) แสนดีแค่ไหนไม่มีเวลาให้ จึงได้แต่ส่งเสียงไปให้กำลังใจคนที่กำลังสาละวนวุ่นวายเตรียมตัวเดินทางไกล แล้วรับปากอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าพี่จะต้องไปส่งเธอขึ้นเครื่องอย่างแน่นอน

วันนี้ขับรถออกจากบ้านมาทำธุระหลายอย่างแต่เช้า ขับวนไปวนมาอยู่แถวในเมืองจนมาถึงสนามบินเชียงใหม่ เลยนึกขึ้นได้ว่ามีร้านขายต้นไม้อยู่ใกล้ๆ แถวนี้ แวะไปดูหน่อยก็น่าจะดีอยากได้ดินปลูกบัวสักก้อนสองก้อน พอพูดถึงตลาดต้นไม้หลายคนคงนึกถึง ตลาดคำเที่ยง* แต่ตลาดที่ว่านี้อยู่ใกล้ตัวเมืองกว่าที่คิด

แม้ว่าตัวตลาดจะไม่ได้มีเนื้อที่กว้างขวางมากนัก เท่าที่เห็นก็จะมีร้านรวงเปิดกันอยู่ตามรายทาง คงเป็นเพราะนานนานจะมาแถวนี้ที แถมมาแต่ละทีก็ไม่มีเวลาเดินดูนานนาน เพิ่งจะรู้ว่าตลาดขายต้นไม้ที่ว่าใช่ว่าจะมีแต่ต้นไม้ขาย เดินไปเรื่อยๆ จะเริ่มเห็นบางร้านมีสัตว์เลี้ยงจำหน่าย ยิ่งถ้าเดินวกไปด้านหลังตึกแถวจะเห็นร้านขายสัตว์เลี้ยงเรียงกันอยู่ทั้งแถบ สัตว์เลี้ยงที่ขายกันก็มีตั้งแต่หนูขาว หนูตะเภา แฮมเตอร์ กระต่าย ไก่แจ้ ปลา สุนัข และนกสายพันธุ์ต่างๆ เยอะแยะเต็มไปหมด เฮ้ย! นี่มันตลาดขายสัตว์เลี้ยงนี่หน่า ขายต้นไม้บังหน้ากันชัดๆ อ่ะ! ล้อเล่น 555!

        บางร้านที่หน้าร้านมีต้นไม้วางขายตั้งแต่ไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม ไม้น้ำ ไม้เลื้อย ไม้กระถาง ไม้พุ่ม ไม้ผล และสมุนไพรชนิดต่างๆ แต่พอเดินเข้าไปในร้านจะเห็นกรงนกกรงไก่แขวนอยู่บ้างวางเรียงที่พื้นบ้าง เสียงดังจอแจจิ๊บจิ๊บเจี๊ยบเจี๊ยบเต็มไปหมด เดินไปเห็นป้ายที่กรงนกกรงหนึ่งเขียนติดไว้ว่า ‘ซีบาร์ ฟินซ์’ เลยเดินเข้าไปดูใกล้ๆ อยากรู้ว่าจะใช่นกฟินซ์แบบที่ชาร์ลส์ ดาร์วิน พบที่บนเกาะกาลาปากอสรึป่าว?!?!
บริเวณที่เดินเล่นอยู่นี้เค้าเรียกว่า ตลาดขายต้นไม้แถวสุสานประตูหายยา* ค่ะ คุยกับพ่อค้าแม่ขายแถวนั้นเค้าบอกว่า ..ขายแบบนี้มาจะสิบปีแล้ว น้ อ ง ! (อุ้ย! เค้าไม่กำลังว่าเรานะคะ เค้าชมต่างหากล่ะ แสดงว่ายังเห็นเราเป็นเด็กอยู่ อิอิ)

   
เกิดเป็นคนโชคดีแค่ไหน มีคนเป็นเพื่อนก็ได้ มีต้นไม้เป็นเพื่อนก็ได้ มีสัตว์เป็นเพื่อนก็ได้ มีอะไรๆ เป็นเพื่อนก็ได้ ..เราอยู่คนเดียวเสียเมื่อไร เราไม่เหงาหรอก
ครอบครัวข้างบ้านเราเค้าเลี้ยงกระต่ายแต่ตั้งชื่อให้สัตว์เลี้ยงเป็นชื่อผลไม้ ชื่ออะไรลองทายกันดู?

“บอกน้าขวัญหน่อยสิ กระต่ายที่บ้านชื่ออะไรนะ”
(น้าค่ะน้า ได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ คงต้องยอมรับความจริงเสียที 555!)
“ข่า-นุน กะ จม-ปู้ๆๆๆ”
เจ้าตัวเล็กข้างบ้านออกเสียงแล้วฟังดูน่ารักชะมัด 🙂

อยู่มาได้สักพักสงสัยมันจะรักกันมาก ถ้าเป็นคนคงบอกว่ามีลูกหัวปีท้ายปี แต่เจ้ากระต่ายสองตัวนี้มีลูกหัวเดือนท้ายเดือน (กระต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่ใช้เวลาตั้งท้องจนคลอดประมาณ 30 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนลูกกระต่ายในท้องแม่กระต่าย)
วันก่อนขับรถออกจากบ้านเห็นมีป้ายแขวนอยู่ที่ข้างรั้วว่า ‘บ้านนี้มีกระต่ายหูตก ขายจ้า’

ถึงแม้จะมีเวลาไม่มากนัก แต่การเผลอไผลเดินชมนกชมไม้ของเราก็ไม่เสียเวลาเปล่า นอกจากจะได้มาเห็นโลกของสัตว์เลี้ยงน่ารัก ในที่สุดเราได้ของขวัญชิ้นสำคัญติดมือมาด้วย^^

ในวัยที่โตขึ้นและพอมีวุฒิภาวะ การคบกันระหว่างเราและเพื่อนจะมีขอบเขตมากขึ้น เราจะเคารพโลกของเพื่อนเหมือนกับเราอยากให้เพื่อนเคารพโลกของเรา ทุกคนต่างมีโลกส่วนตัว เราจะไม่ก้าวก่ายอะไรที่มันเป็นส่วนตัวของกันและกันมากเกินไป มันจึงไม่เกิดอาการงอนกัน น้อยใจกัน เพราะเรามีความมั่นคงในจิตใจมากขึ้น สงบและนิ่งมากขึ้น เพื่อนมีส่วนในการสร้างสีสันและจรรโลงหัวใจให้ชุ่มชื้นมากขึ้นก็จริง แต่เราก็ยังมีชีวิตของเราได้ไม่เปลี่ยนแปลง

หลายปีก่อนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เคยอ่านหนังสือเล่มไหนก็ไม่รู้ อ่านเจอจากที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ทำไมถึงนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ก็ไม่รู้ ลองค้นหนังสือในบ้านเล่มที่คิดว่าน่าจะใช่ดู หาอยู่หลายเล่มแต่ก็ไม่เจอ จำได้ว่ามันเป็นบทสั้นๆ ตอนหนึ่งในหนังสือเขียนให้คำแนะนำถึงสิ่งที่เราต้องคำนึงเวลาที่จะให้ของขวัญแก่ใคร ก็เป็นคำแนะนำที่เรารู้กันอยู่ทั่วๆ ไป เป็นต้นว่า..
การให้ของขวัญเล็กเล็กน้อยน้อยในวันพิเศษที่แม้แต่เจ้าตัวเองก็แทบจำไม่ได้อาจทำให้ผู้รับดีใจไม่รู้ลืม รวมถึงของที่ไม่ควรให้เป็นของขวัญ เช่น การให้ของขวัญบางอย่างแล้วในตอนแรกคนรับรู้สึกประทับใจแต่อาจไม่ถูกใจในตอนหลังก็ได้ หรือการให้ของที่เราชอบแต่คนรับอาจจะรู้สึกอึดอัดใจ หรือทำให้เข้าใจผิดได้

อย่างเช่น ‘ต้นไม้’ ..เป็นต้น
(ถ้าเป็นดอกไม้ก็แล้วไปงั้นเหรอ? 555!) เรื่องที่มันตกค้างอยู่ในใจก็มีเท่านี้ แต่จำได้ดีจนถึงทุกวันนี้เลย

การให้ต้นไม้แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างคุณและผู้รับได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่จะมีโอกาสเติบโตต่อไปหรือไม่นั้น การรักษาความสัมพันธ์ก็คงเหมือนกับการดูแลต้นไม้ ที่สำคัญถ้าคนที่เราให้เป็นคนที่ใช่ก็โชคดีไป แต่ถ้าให้เพราะอยากให้และไม่ได้คิดมากอะไร ระวังคนรับจะเข้าใจผิดได้ เหมือนผู้เขียนต้องการจะเตือนสติคนให้เอาไว้ทำนองนี้ เออ.. ถ้าเราไม่ตีความผิดไปเสียเองนะ
กับเพื่อนๆ พักหลังนี้จะใช้วิธีถามกันไปตรงๆ ว่าอยากได้อะไร แต่ถ้านึกอยากจะหาของขวัญแบบเซอร์ไพรส์ให้ใครๆ พอมาลงที่ต้นไม้ทีไรมันอดนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ได้ทุกที

ถ้าไม่อยากผูกพันกับใคร ..อย่าให้ต้นไม้

ให้เป็น ต้ น ก็ชักไม่ค่อยแน่ใจ ให้เป็น ด อ ก ยิ่งไม่เคยให้ใคร แต่ฉันเต็มใจให้ เ ม ล็ ด พั น ธุ์ อยู่นะ.. อย่างน้อยคนรับก็ตัดสินใจได้ว่าจะปลูกหรือไม่ปลูก



เพื่อนจะทำให้แววตาของคุณกลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง เสียงหัวเราะจะกลับมาดังสนั่นหวั่นไหว เพื่อนไม่ใช่แค่คนที่อยู่แต่ในวัยเด็กของเราเท่านั้น แต่เพื่อนจะเอาความเป็นเด็กของคุณกลับคืนมา

ถ้าตอนนี้เธอกำลังอ่านเอนทรี่นี้อยู่ ก็แสดงว่าใกล้ถึงเวลาที่เธอจะต้องเดินทางกลับมาแล้ว เย่ เย่! ตอนนั้นพี่สาวขี้ลืมคนหนึ่งยื่นของให้แล้วดันลืมบอกเรื่องสำคัญเธอไป แต่ถึงจะไม่ทันบอกก็มั่นใจว่าเธอจะต้องเข้าใจอย่างแน่นอน

..

พี่ฝากต้นไม้เอาไว้ให้เธอดูต่างหน้า แต่ว่า..ต้องปลูกเองนะ 🙂

เคยคิดว่าพอเราอายุมากขึ้น เพื่อนก็จะน้อยลงและหายากไปทุกที และมีบ้างบางทีที่รู้สึกว่า พอแล้ว.. ชีวิตนี้ไม่อยากได้เพื่อนเพิ่มอีกแล้ว แต่เชื่อไหมว่าเราไปตกลงอะไรกับโชคชะตาฟ้าลิขิตไม่ได้หรอก เพราะอยู่ดีๆ เขาก็จะส่งใครต่อใครมาให้เราเอง เพียงเราเปิดใจไว้เสมอเถอะ..

(ข้อความบางตอนที่เขียนถึงเพื่อนคัดลอกมาจากเศษกระดาษยับๆ แผ่นหนึ่งที่เก็บไว้นานแล้วจนเกือบเผลอขยำทิ้ง ทั้งที่ตั้งใจจดมาจริงๆ เพราะอ่านแล้วมันตรงกับความรู้สึกตัวเอง แต่ที่แย่ก็คืออ่านเจอที่ไหนก็ไม่รู้ จากหนังสือเล่มไหนก็ไม่รู้..อีกแล้ว เลยไม่รู้จะอ้างถึงยังไง เอาเป็นว่าขออนุญาตนำมาแชร์ให้เพื่อนๆ อีกหลายคนได้ร่วมรับรู้ไปด้วยกันตรงนี้ และขอมอบคำขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ล่ะกันนะคะ.. – -’)

ตลาดขายต้นไม้แถวสุสานประตูหายยา*  อยู่ไม่ไกลและเดินทางไปไม่ยาก ถ้าขับรถออกจากสนามบินเชียงใหม่ผ่านห้างเซ็นทรัลแอร์พอร์ต ขับถึงสี่แยกไฟแดงสนามบินแล้วเลี้ยวซ้าย จากนั้นขับตรงมาเรื่อยๆ ระหว่างนั้นให้สังเกตด้านซ้ายมือ จนเห็นสนามบาสฯ ที่อยู่ติดกับศูนย์กู้ภัยพิเศษพิงค์นคร (สุสานประตูหายยา) ก็จะเจอถนนทางเข้าอยู่ด้านซ้ายมือ ตลาดอยู่ทางขวามือเลยทางเข้าไปนิดเดียว

ตลาดคำเที่ยง* อยู่ใกล้กับโลตัสสาขาคำเที่ยงและเจเจมาร์เก็ต ถ้ามาจากตัวเมืองเลี้ยวที่สี่แยกรินคำมาทางถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ผ่านโรงพยาบาลลานนาแล้วให้ชิดซ้าย เพื่อกลับรถใต้สะพาน จากนั้นขับตรงมาเรื่อยๆ ผ่านโลตัสแล้วให้เลี้ยวซ้ายที่แยกแรก ขับตรงไปอีกไม่ไกลตลาดอยู่ทางซ้ายมือ ขับเข้าไปด้านในมีลานจอดรถ
(ขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสาร ‘อ่อง ๒’ นิตยสารใหม่เอี่ยม หัวใจสะอาด สมองคิดอยากให้เชียงใหม่น่าอยู่ยิ่งขึ้น; ปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยม)

4 Responses to “ผูกพันธุ์”

  1. Ursa Major 17/09/2011 at 6:12 am #

    ไปเที่ยวเล่นไกลหน่อย สามสี่วันกลับนะ

  2. Kamonnate Nooki 19/09/2011 at 3:32 pm #

    พี่ต้องบอกให้มาอ่านตอนกลับมาวันแรก อ่านแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม จนลืมคอมเม้นท์ ขอบคุณนะพี่ขวัญที่เป็นเพื่อนกัน 😀

    • Allahome 19/09/2011 at 7:02 pm #

      ตกลงว่า ‘พี่’ ต้องไปเป็น ‘เพื่อน’ เธอสินะ 555! 🙂

  3. Anonymous 29/03/2013 at 8:25 pm #

    เห็นกะตาจะๆ..เทคนิคเพิ่มยอดขายของร้านขายต้นไม้…ไปซื้อกุหลาบที่ร้านขายต้นไม้กาดคำเที่ยง ดอกเล็กๆน่ารักๆเยอะแยะเลย แม่ค้าบอกขาย 3 ต้น 100 เอาหละ ซัก 3 ต้น กะลังดี ก็เลยชี้เลือก ต้นแรกดอกสีบานเย็นสวย หอม แม่ค้าก็ยกออกมาวาง กะลังจะหันไปต้นที่ 2 เห็นแม่ค้าจับต้นกุหลาบที่เราเลือกโยกไปมาใหญ่เลย ก็เลยบอกโยกมันทำไมป้ามันก็ตายสิแบบนี้ คนขายบอกไม่ตายหรอก ขนมาทีเต็มคันรถยังไม่ตาย ตอนใส่ถุงก็เอาอีก2 ต้น ยัดๆเบียดกันเข้าไป เราเห็นแล้วในใจ ตายแน่ๆ ไอ้ 3ต้นนี้ เลยจำใจเอามา ทั้ง 3 ต้น แค่คืนเดียว ต้นที่โดนโยกใบเหลือง เหี่ยว วันต่อมาตามมาด้วยอีก 2 ต้น อีกไม่กี่วันคงตายหมด นี่ถ้าไม่เห็นกะตา ก็คงโทษตัวเองว่าเลี้ยงไม่เป็น แล้วก็กลับไปเสียตังให้มันใหม่…เสียความรู้สึกจริงๆ

Leave a comment